ถอนคืนการให้ ทำอย่างไร ดี

ก่อนที่เรา จะทราบสาเหตุ และวิธีการถอนคืน การให้นั้น เรามาทำความเข้าในกันก่อนว่า การให้นั้น มีความหมาย ว่าอย่างไร
1.ความหมายของการให้
การให้คือ คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่า"ผู้ให้" โอนทรัพย์สินของตนให้โดยเสน่หาแก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า"ผู้รับ" และผู้รับยอมรับเอาทรัพย์สินนั้น
มันเป็นการให้โดยเสน่หา น่ะครับ นั่นหมายความว่า ให้โดยไม่มีค่าตอบแทน หรือมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรทั้งสิ้นครับ หากเป็นการให้โดยมีข้อแลกเปลี่ยนให้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือมีค่าตอบแทน ก็จะไม่ใช่การให้ โดยเสน่หาน่ะครับ
และที่สำคัญการให้ เป็นสัญญาฝ่ายเดียวน่ะครับ คำว่าสัญญาฝ่ายเดียว หมายความว่า "ผู้ให้" มีหน้าที่แต่เพียงฝ่ายเดียว ผู้รับ ไม่มีหน้าที่ต้องทำอะไรเลย มีสิ่งที่ต้องทำเพียงอย่างเดียว คือเเสดงเจตนายอมรับ ทรัพย์สินนั้น มาเป็นของตนเท่านั้นครับ
สัญญาให้ สมบูรณ์โดยการส่งมอบ ทรัพย์สินน่ะครับ แม้คุณจะมีข้อตกลงกันเป็นหนังสือ อะไรไว้ก็ตาม หนังสือสัญญานั้น ก็ไร้ความหมายครับ ตราบใดที่ยังไม่ได้มีการส่งมอบทรัพย์สิน ตราบนั้น การให้ก็ยังไม่สมบูรณ์ครับ สำหรับทรัพย์สินที่จะต้องซื้อขายกัน ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนกับ พนักงานเจ้าหน้าที่ การให้จะสมบูรณ์ ก็ต่อเมื่อได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนกับพนักงานเจ้าหน้าที่ แทนการส่งมอบน่ะครับ และผู้รับจะไปฟ้อง ให้ "ผู้ให้" ส่งมอบทรัพย์สินก็ไม่ได้ด้วย ครับ เพราะสัญญามันไม่สมบูรณ์ จะนำสัญญา ที่ไม่สมบูรณ์นั้น มาฟ้องร้องศาล ไม่ได้ครับ ตัวอย่างคำพิพากษา

2.การถอนคืนการให้
โดยหลักแล้ว เมื่อให้แล้ว ผู้ให้จะถอนคืนการให้ไม่ได้น่ะครับ เพราะกฎหมายหากยอม ให้ถอนคืนการให้ ตามอำเภอใจ ของ"ผู้ให้" แล้ว ก็จะเกิดความวุ่นวาย ในสังคมเป็นแน่ เพราะทรัพย์สินต่าง ๆ นั้น "ผู้รับ" ก็คงนำไปใช้ประโยชน์ ตามวัตถุประสงค์ของตน อาจ จะเสื่อมค่า สูญหาย หรือ ขายต่อไปแล้ว อย่างนี้เป็นต้น หากจะยอมให้เรียกคืน ก็คงจะเกิดความไม่แน่ใจ ในการใช้สอยทรัพย์สิน ของ"ผู้รับ" เป็นแน่แท้
แต่กฎหมายก็เปิดช่องให้ "ผู้ให้" ถอนคืนการให้ดังนี้ครับ
2.1 เหตุของการถอนคืนการให้
เหตุของการถอนคืนการให้นั้น ทางภาษากฎหมายให้คำว่า "ถอนคืนการให้เพราะเหตุ ประพฤติเนรคุณ" ซึ่งมีเหตุดังนี้ครับ
(1)ถ้าผู้รับได้ประทุษร้ายต่อผู้ให้ อันเป็นความผิดอาญาอย่างร้ายแรง ตามประมวลกฎหมายอาญา
(2)ถ้าผู้รับได้ทำให้ ผู้ให้ เสียชื่อเสียง หรือหมิ่นประมาทผู้ให้ อย่างร้ายแรง
(3)ถ้าผู้ได้รับ ได้บอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ ในเวลาที่ผู้ให้ ยากไร้และผู้รับสามารถ จะให้ได้

2.2 แม้มีเหตุประพฤติเนรคุณ ก็ไม่สามารถ ถอนการให้ ในกรณี ต่อไปนี้ครับ
(1)ให้โดยเป็นบำเหน็จ สินค้างโดยแท้
(2)ให้สิ่งที่มีค่าภาระติดพัน
(3)ให้โดยหน้าที่ ธรรมจรรยา
(4)ให้ในการสมรส
2.3 อายุความถอนการให้
แม้จะประกฏเหตุเนรคุณ แล้ว หากผู้ให้ละเลย ไม่ถอนการให้ภายในเวลาที่ กฎหมายกำหนด ท่านก็จะไปถอนคืนการให้ ไม่ได้น่ะครับ เพราะมันขาดอายุความแล้ว มีอายุความดังนี้ครับ
(1) ภายใน 6 เดือน นับแต่ผู้ให้ รู้ถึงเหตุเนรคุณ
(2) ภายใน 10 นับแต่เกิดเหตุเนรคุณ
การให้นั้น อย่างที่ผมบอก ไปในตอนต้นบทความ ว่าถอนคืนการให้ไม่ได้น่ะครับ เว้นแต่จะมี เหตุดังข้อ 2.1 3 และแม้แต่มีเหตุถอนคืนก็ตาม หากได้ให้ ตามข้อ 2.2 ก็เรียกคืนไม่ได้น่ะครับ และการถอนคืนการให้ ก็มีอายุความ เพราะฉะนั้น ต้องถอนคืนการให้ภายในอายุความด้วย น่ะครับ

การที่มีคนเขาจะให้ สิ่งของใดๆ แก่ผู้ใดนั้น ย่อมแสดงในตัวว่า เขาคนนั้น คงรักและปราถนาดี ต่อผู้รับมากพอควรน่ะครับ เพราะฉะนั้นคนที่รับสิ่งของมา ก็ควรจะระลึกถึงพระคุณ และมีความกตัญญูกตเวที ด้วยน่ะครับ อย่าให้มีการถอนคืนการให้ เพราะเหตุเนรคุณเลย เพราะคนที่เนรคุณผู้มีพระคุณนั้น ไม่เคยได้ดีครับ แล้วพบกันใหม่

2.การถอนคืนการให้
โดยหลักแล้ว เมื่อให้แล้ว ผู้ให้จะถอนคืนการให้ไม่ได้น่ะครับ เพราะกฎหมายหากยอม ให้ถอนคืนการให้ ตามอำเภอใจ ของ"ผู้ให้" แล้ว ก็จะเกิดความวุ่นวาย ในสังคมเป็นแน่ เพราะทรัพย์สินต่าง ๆ นั้น "ผู้รับ" ก็คงนำไปใช้ประโยชน์ ตามวัตถุประสงค์ของตน อาจ จะเสื่อมค่า สูญหาย หรือ ขายต่อไปแล้ว อย่างนี้เป็นต้น หากจะยอมให้เรียกคืน ก็คงจะเกิดความไม่แน่ใจ ในการใช้สอยทรัพย์สิน ของ"ผู้รับ" เป็นแน่แท้
แต่กฎหมายก็เปิดช่องให้ "ผู้ให้" ถอนคืนการให้ดังนี้ครับ
2.1 เหตุของการถอนคืนการให้
เหตุของการถอนคืนการให้นั้น ทางภาษากฎหมายให้คำว่า "ถอนคืนการให้เพราะเหตุ ประพฤติเนรคุณ" ซึ่งมีเหตุดังนี้ครับ
(1)ถ้าผู้รับได้ประทุษร้ายต่อผู้ให้ อันเป็นความผิดอาญาอย่างร้ายแรง ตามประมวลกฎหมายอาญา
(2)ถ้าผู้รับได้ทำให้ ผู้ให้ เสียชื่อเสียง หรือหมิ่นประมาทผู้ให้ อย่างร้ายแรง
(3)ถ้าผู้ได้รับ ได้บอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ ในเวลาที่ผู้ให้ ยากไร้และผู้รับสามารถ จะให้ได้

2.2 แม้มีเหตุประพฤติเนรคุณ ก็ไม่สามารถ ถอนการให้ ในกรณี ต่อไปนี้ครับ
(1)ให้โดยเป็นบำเหน็จ สินค้างโดยแท้
(2)ให้สิ่งที่มีค่าภาระติดพัน
(3)ให้โดยหน้าที่ ธรรมจรรยา
(4)ให้ในการสมรส
2.3 อายุความถอนการให้
แม้จะประกฏเหตุเนรคุณ แล้ว หากผู้ให้ละเลย ไม่ถอนการให้ภายในเวลาที่ กฎหมายกำหนด ท่านก็จะไปถอนคืนการให้ ไม่ได้น่ะครับ เพราะมันขาดอายุความแล้ว มีอายุความดังนี้ครับ
(1) ภายใน 6 เดือน นับแต่ผู้ให้ รู้ถึงเหตุเนรคุณ
(2) ภายใน 10 นับแต่เกิดเหตุเนรคุณ
การให้นั้น อย่างที่ผมบอก ไปในตอนต้นบทความ ว่าถอนคืนการให้ไม่ได้น่ะครับ เว้นแต่จะมี เหตุดังข้อ 2.1 3 และแม้แต่มีเหตุถอนคืนก็ตาม หากได้ให้ ตามข้อ 2.2 ก็เรียกคืนไม่ได้น่ะครับ และการถอนคืนการให้ ก็มีอายุความ เพราะฉะนั้น ต้องถอนคืนการให้ภายในอายุความด้วย น่ะครับ

การที่มีคนเขาจะให้ สิ่งของใดๆ แก่ผู้ใดนั้น ย่อมแสดงในตัวว่า เขาคนนั้น คงรักและปราถนาดี ต่อผู้รับมากพอควรน่ะครับ เพราะฉะนั้นคนที่รับสิ่งของมา ก็ควรจะระลึกถึงพระคุณ และมีความกตัญญูกตเวที ด้วยน่ะครับ อย่าให้มีการถอนคืนการให้ เพราะเหตุเนรคุณเลย เพราะคนที่เนรคุณผู้มีพระคุณนั้น ไม่เคยได้ดีครับ แล้วพบกันใหม่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น